วิธีขับเคลื่อนตัวเองไปสู่ความสำเร็จ

การโค้ช

ฝึกสะกิดตัวเองด้วยเคล็ดลับต่อไปนี้ แล้วคุณจะชินกับการตัดสินใจที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ แม้จะมีปัจจัยต่างๆ มาล่อตาล่อใจก็ตาม

อัพเดทล่าสุด: 22 ธันวาคม 2563
วิธีการกระตุ้นตนเองเพื่อพิชิตเป้าหมาย

พื้นที่ขายของกินในซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นไม่ได้ตั้งมามั่วๆ เมื่อเดินเข้ามา คุณจะเห็นโซนขนมถุงลดราคาอยู่ตรงหน้าเพื่อให้คุณหยิบติดมือไปสักถุงสองถุง เพราะเมื่อเห็นสิ่งใดก่อน ก็มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อสิ่งนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่นักจิตวิทยาอาหารได้กล่าวไว้ ส่วนขนมจุกจิกที่วางอยู่ในระดับสายตาตรงช่องจ่ายเงินนั้นก็เกิดจากแนวคิดแบบเดียวกันเลย

นั่นเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่คุณจะถูกโน้มน้าวอย่างแนบเนียนแบบมีกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปรากฏการณ์เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “การสะกิด” ซึ่งมีพื้นฐานจากความถี่ในการเลือกอะไรบางอย่างโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดี ทั้งนี้ คุณก็สะกิดตัวเองให้ตัดสินใจเชิงรุกเพื่อเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน

“การสะกิดตัวเองเป็นวิธีที่ทำให้ตัวคุณเองรับรู้ว่าบ่อยครั้งแค่ไหนที่สิ่งเล็กๆ มีอิทธิพลกับพฤติกรรมของคุณอย่างน่าประหลาดใจเพียงใด จึงกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง” Samuli Reijula อาจารย์ภาควิชาปรัชญาเชิงทฤษฎีประจำ University of Helsinki ในฟินแลนด์กล่าว นี่ไม่ได้เป็นเรื่องของการควบคุมตัวเองหรือตั้งกฎอย่างเข้มงวด Reijula บอก ล่าสุดเขาเป็นผู้ร่วมวิจัยในหัวข้อแนวคิดดังกล่าวที่ตีพิมพ์ใน “Behavioural Public Policy” แต่เป็นเรื่องของการทำสิ่งที่คุณต้องการให้ง่ายขึ้นและสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้ยากขึ้น เพิ่มและลดความขัดแย้งตามที่จำเป็น เขากล่าว

“การหลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจด้วยการหันไปพึ่งความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวนั้นจะทำให้เราเหนื่อย” Reijula กล่าว เมื่อคนเราลังเลระหว่างสิ่งเร้าที่ขัดแย้ง อย่างการหยิบลูกอมมาจะกินเพราะฟังดูเข้าท่าดี แต่ก็ไม่กินเพราะอยากจะเลี่ยงน้ำตาล เราไม่จำเป็นต้องทำตามประโยชน์ที่ดีที่สุดเสมอไป (ไม่ต้องพูดเลยว่า เราจะเสียกำลังภายในไปได้เยอะจากการคิดไตร่ตรองก่อนตัดสินใจ) “แต่คุณมีพลังในการคิดและวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากที่ไม่จำเป็นและตั้งเป้าหมายให้ตัวเองไปสู่ความสำเร็จ” Reijula บอก

“การสะกิดตัวเองเป็นวิธีที่ทำให้ตัวคุณเองรับรู้ว่าบ่อยครั้งแค่ไหนที่สิ่งเล็กๆ มีอิทธิพลกับพฤติกรรมของคุณอย่างน่าประหลาดใจเพียงใด จึงกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง”

Samuli Reijula
อาจารย์ภาควิชาปรัชญาเชิงทฤษฎีประจำ University of Helsinki

การฝึกสะกิดตัวเองนั้นไม่ต้องใช้ความพยายามมากขนาดนั้น เรามาดูแผนซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำกัน

  1. ส่งข้อความให้ตัวเอง
    ทิ้งโน้ตไว้ให้ตัวเองในจุดที่จะมองเห็นได้ เขียนลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำ และตั้งเตือนตัวเองในปฏิทิน คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคำพูดเพียงอย่างเดียว อาจจะลองติดภาพแหล่งโปรตีนและก๊าซเรือนกระจกที่เจ้าพวกนั้นปล่อยออกมาไว้ที่ประตูตู้เย็น เพื่อช่วยให้คุณลดปริมาณเนื้อสัตว์และนมที่ทานลง ตามที่ Reijula และ Ralph Hertwig ผู้ร่วมวิจัยของเขาซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ Center for Adaptive Rationality ที่ Max Planck Institute for Human Development ในเบอร์ลินแนะนำในผลงานวิจัยของพวกเขา (อะไรก็ได้ที่ได้ผล)

    คุณยังทำตามที่ Hertwig บอกแล้วนำเสื่อโยคะหรือเสื้อผ้าใส่ในยิมมาวางไว้ข้างเตียงในตอนเย็นด้วยก็ได้ เพื่อสะกิดตัวเองให้ไปออกกำลังกายในตอนเช้า การเตรียมพร้อมเช่นนี้จะช่วยให้คุณลงมือทำเพราะสิ่งเหล่านี้สร้างผลที่ “เห็นตำตา ติดในใจ” โดยลองผสมกับแผน “ถ้า-งั้นก็” ดูก็ได้เพื่อให้ได้ผลสำเร็จที่สุด เช่น ถ้าเห็นโน้ตเรื่องก๊าซเรือนกระจก งั้นก็ต้องเลือกหยิบผักมากินแทนชีสแล้ว
  2. ตีกรอบใหม่ให้ความคิด
    ในการจะตัดสินใจให้ดีขึ้นในระยะสั้น ให้นึกถึงผลระยะยาวที่อาจจะเป็นไปได้ Reijula บอก สมมติว่าคุณวางแผนจะไปวิ่งตอนเช้า แต่ตื่นมาฝนก็ตก ถ้าต้องคิดกลับไปกลับมาว่าจะทำอะไรให้ผ่านชั่วโมงนี้ไปได้ ก็คงยากที่จะห้ามใจไม่ให้นอนต่อ แต่ถ้าคุณตีกรอบความคิดใหม่ให้การตัดสินใจเมื่อเลือกระหว่างการมีพละกำลังมากขึ้นหรือความรู้สึกง่วง หรือตั้งใจไว้ก่อนว่าคุณจะออกกำลังกายหรือไม่ออกทุกครั้งที่ฝนตก การลุกขึ้นแล้วออกไปข้างนอกนั้นก็จะดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
  3. ต้องเล่นตัวหน่อย
    การทำให้ตัวเองสะดวกน้อยลงจะลดความอยากลงได้ด้วย Reijula ไม่ได้พูดเล่นๆ เพราะแค่เอาอาหารหลบไปให้ไกลและหยิบได้ยาก คุณก็จะมีแนวโน้มในการกินน้อยลงแล้ว ลองวางขนมให้ลึกเข้าไปในตู้เก็บหรือตู้เย็น แล้ววางอาหารเพื่อสุขภาพไว้หน้าๆ หน่อย เขาบอกว่าการทำเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าคุณกีดกันตัวเอง แต่แค่เป็นการตัดการบริโภคแบบไม่คิดลงไปด้วยการสร้างความขัดแย้งขึ้น และเมื่ออยากกินขนมจริงๆ คุณก็ต้องใช้ความพยายามเอื้อมเข้าไปหยิบออกมาเอง

    หากคุณมักสั่งแต่อาหารไม่มีประโยชน์มากินบ่อยๆ ก็ลบแอพสั่งอาหารออกไปได้เลย เพราะรู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสสั่งเบอร์เกอร์กับเฟรนช์ฟรายส์มากินน้อยลง หากว่าต้องมาเสียเวลาลงแอพอีกรอบและล็อกอิน (และถึงยังไงก็จำรหัสผ่านไม่ได้อยู่ดี)

    ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการสะกิดตัวเองคือ ยิ่งทำมากเท่าไหร่ และยิ่งเห็นผลลัพธ์มากเท่าไหร่ คุณก็จะเดินต่อไปตามหนทางที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ก็ลองไปเขียนโน้ตแปะเตือนตัวเองให้สะกิดตัวเองได้เลย บางทีอาจดูเหมือนต้องเปลี่ยนมากหน่อย แต่ก็คุ้มค่าแน่นอน
วิธีการกระตุ้นตนเองเพื่อพิชิตเป้าหมาย

รับประโยชน์ที่มากขึ้น

เข้าแอพ Nike Training Club แล้วดูคำแนะนำที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้เลยทั้งในด้านทัศนคติ รวมถึงการเคลื่อนไหว โภชนาการ การฟื้นกำลัง และการนอนหลับ

วิธีการกระตุ้นตนเองเพื่อพิชิตเป้าหมาย

รับประโยชน์ที่มากขึ้น

เข้าแอพ Nike Training Club แล้วดูคำแนะนำที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้เลยทั้งในด้านทัศนคติ รวมถึงการเคลื่อนไหว โภชนาการ การฟื้นกำลัง และการนอนหลับ

เผยแพร่ครั้งแรก: 17 สิงหาคม 2563