เตรียมใจให้พร้อมสำหรับการแข่งวิ่งแบบ Virtual Race
การโค้ช
คุณไม่ต้องมีผู้ชมจำนวนมากหรือลงแข่งในสนามเพื่อคว้ารางวัลจากการวิ่งเข้าเส้นชัย แค่ใช้แผนสร้างแรงจูงใจนี้ ก็คว้าชัยชนะได้แล้ว
เนื่องจากการแข่งขันหลายต่อหลายรายการได้ยกเลิกไปในปีนี้ จึงเริ่มมีสิ่งที่น่าสนใจบางอย่างเกิดขึ้น แทนที่นักวิ่งหลายคนจะล้มเลิกการฝึกซ้อม พวกเขากลับเริ่มวางแผนการแข่งขันของตัวเองหรือไม่ก็ลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งแบบ Virtual (เสมือน) เพื่อร่วมเป็นเกียรติให้กับงานแข่งที่จริงๆ แล้วต้องมีการจัดขึ้น Jeff Matlow ผู้เป็น CEO ของ Running USA กล่าวว่า ที่จริงแล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของนักวิ่งที่ลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันจริงไปแล้วหันมาลงแข่งแบบ Virtual แทน นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมด้วยว่า การแข่งวิ่งแบบ Virtual บางงานมีผู้เข้าร่วมมากถึง 50,000 คน ในขณะที่ช่วงก่อนหน้าปี 2020 มีจำนวนสูงสุดเพียง 15,000 คน
จากแบบสำรวจ National Runner Survey ของ Running USA ประจำปี 2020 พบว่ามีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้าร่วมทั้งหมดเท่านั้นที่รู้สึกว่าการแข่งแบบ Virtual จนจบนั้นให้ความรู้สึกไม่ต่างกับการแข่งวิ่งจริงที่จัดขึ้นในสนาม โดยการแข่งแบบ Virtual เป็นการแข่งที่ต้องลงทะเบียนออนไลน์เพื่อวิ่งตามระยะทางที่กำหนด แต่ผู้เข้าร่วมหาเวลาไปวิ่งเองได้ ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่าให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย เพราะอาจแตกต่างกันเล็กน้อยที่โปรแกรมแข่ง (แอพสำหรับการวิ่งส่วนใหญ่ รวมถึง Nike Run Club ก็ช่วยวางแผนระยะทางที่วิ่งได้) แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือวิธีการรักษาแรงกระตุ้นไปให้ตลอดและวิ่งได้ดีไม่มีตก เมื่อต้องแข่งวิ่งแบบไม่มีเพื่อนร่วมแข่งขัน ไม่มีกองเชียร์ หรือไม่มีการลงแข่งจริงที่จะกระตุ้นให้คุณสู้ต่อ
“คุณไม่ได้อยู่ใต้กฎการแข่งขันของคนอื่นอีกแล้ว แต่คุณคือผู้สร้างกฎในการแข่งขันของคุณเอง ไม่ว่าจะมองในมุมไหน นี่คือโอกาสที่คุณจะได้ปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มที่”
Chris Bennett
หัวหน้าโค้ชของ Nike Running Global
Lennie Waite, PhD ที่ปรึกษาผู้ผ่านการรับรองด้านประสิทธิภาพทางจิต (และเป็นนักกีฬาโอลิมปิก) ซึ่งได้ลงแข่งใน Virtual Race รายการแรกในชีวิตจบไปหมาดๆ กล่าวว่า หากคุณใส่ความพยายามลงไป คุณจะพบกับแรงบันดาลใจแบบใหม่จากการแข่งขันประเภทนี้ “คุณจะได้เป็นทั้งผู้กำหนดการแข่งขันและเป็นคนลงแข่งเอง” เธอกล่าว “ความรู้สึกจากการได้ควบคุมสิ่งต่างๆ อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคุณได้” Chris Bennett หัวหน้าโค้ชของ Nike Running Global เห็นด้วย “คุณไม่ได้อยู่ใต้กฎการแข่งขันของคนอื่นอีกแล้ว แต่คุณคือผู้สร้างกฎในการแข่งขันของคุณเอง” เขากล่าวเสริม “ไม่ว่าจะมองในมุมไหน นี่คือโอกาสที่คุณจะได้ปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มที่”
ต่อไปนี้คือวิธีการทำให้จิตใจของคุณจดจ่อ เพื่อให้ได้วิ่งอย่างเต็มความสามารถและสนุกด้วย
01. เปลี่ยนมุมมอง
“คนส่วนใหญ่ลงวิ่งแข่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงสิ่งที่ดีเกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งก็คือความสำเร็จจากการที่เริ่มและจบการแข่งขันได้” Waite กล่าว และเชื่อเราเถอะว่า Virtual Race คือที่สุดของความท้าทายจริงๆ
เหตุที่เป็นเช่นนี้ Waite บอกว่า ความรู้สึกที่อยากล้มเลิกวิ่งอาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรงหรือบ่อยกว่าที่เคย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันแบบ Virtual Race มีลักษณะที่ยืดหยุ่นอยู่ในตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากเหตุผลที่ว่าไม่มีการจัดงานจริงที่ช่วยสร้างความน่าตื่นเต้นให้คุณนับวันรอ จนทำให้รู้สึกว่ากระบวนการต่างๆ ในการแข่งขันนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากมาย การวิ่งต่อไปให้ได้ตามระยะทางเป้าหมายจึงต้องใช้ความทรหดมากขึ้นไปอีก อย่าให้อารมณ์เหล่านั้นขัดขวางคุณไว้ แต่เปลี่ยนมันให้เป็นพลังในการแข่งขันดู “การจะพูดว่า ‘ฉันจะลงฮาล์ฟมาราธอนหรือไม่ก็มาราธอนเลย และลงแข่งแบบฉายเดี่ยวด้วยนะ’ เป็นอะไรที่ต้องใช้ความมั่นใจสุดๆ” Bennett กล่าว
ถ้ายังสงสัยว่าลงแข่งแล้วจะคุ้มเหนื่อยไหม Waite แนะนำให้เขียนสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ลงแข่งในตอนแรกดู เธอกล่าวอีกว่า คุณจะต้องเตือนตัวเองว่าแม้จะไม่มีแฟนๆ มาเชียร์ และอาจไม่มีเหรียญรางวัลสำหรับผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยได้ (บางงานอาจจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์) คุณก็จะยังพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้กับตัวเอง โดยจะไม่ยึดกับตัวบุคคลหรือวัตถุใดๆ ในการทำตามเป้าหมายนั้น
02. จะลงระยะไหน ให้ถามใจตัวเองดู
เพียงเพราะคุณเคยลงทะเบียนมาราธอนเอาไว้ในช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องวิ่งมาราธอนแบบ Virtual ในช่วงนี้ ให้พิจารณาทุกสิ่งอย่างตามลักษณะการใช้ชีวิตของคุณดูใหม่ เพราะบางทีในช่วงนี้คุณอาจกำลังเรียนออนไลน์อยู่หลายคลาส หรืออาจจะไปออกกำลังกายแบบที่เคยทำไม่ได้ แล้วลองเลือกระยะทางที่จะทำให้คุณตื่นเต้นในช่วงนี้ดู อาจเป็นการลงแข่งระยะ 1 กิโลเมตรเพื่อทดสอบความเร็ว หรือระยะทางที่ไม่หนักต่อร่างกายมากหนักอย่าง 10K คุณจะมีแนวโน้มที่ในการฝึกซ้อมและสนุกกับวันแข่งได้มากกว่า หากเลือกรายการที่จุดไฟให้กับตัวคุณได้จริงๆ เพราะคุณจะต้องใช้ความมุ่งมั่นมากกว่าเดิมในช่วงนี้ในการที่จะเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง Waite กล่าว
03. ทำตามแผน
หากกำลังสร้างการแข่งขันของตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรก็ได้ “ไม่เช่นนั้นคุณคอยมองหาช่องออกนอกลู่นอกทางได้” Waite บอก “เวลาเริ่มต้นและเส้นทางที่วางไว้ซึ่งคุณให้ความสำคัญอย่างจริงจังนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การแข่งนี้รู้สึกเหมือน ‘จริง’ ยิ่งขึ้น” และจะช่วยให้คุณไม่ต้องวิตกกังวลกว่าเดิมในวันแข่งขันได้ด้วย ดังนั้นหากวางแผนเอาไว้ว่า “เสียงปืน” จะดังขึ้นในเวลา 7.30 น. ก็อย่าลืมออกไปวอร์มอัพก่อน 7.15 น.
04. จินตนาการถึงส่วนที่ยากลำบากที่ไม่เคยเจอ
“เมื่อไม่มีนักกีฬาคนอื่นๆ และไม่มีผู้ชม คุณจะสูญเสียสมาธิ รู้สึกเสียใจกับตัวเอง หรือโทษตัวเองได้ง่ายขึ้น” Bennett กล่าว การจินตนาการจะเข้ามาช่วยในจุดนี้ได้ ลองนึกภาพตัวคุณเองวิ่งเข้าเส้นชัยดู แต่อย่าลืมนึกถึงด้วยว่าจะรับมืออย่างไรกับอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ คุณจะมีคำปลุกใจพร้อมเรียกขวัญไหม หรือจะนึกภาพเหตุผลที่จดออกมาว่าทำสิ่งนี้ไปทำไมไหม เมื่อสภาพจิตใจเริ่มหวาดหวั่นในระหว่างการแข่งขันแบบ Virtual คุณจะได้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้จะไม่มีใครดูคุณอยู่ก็ตาม
05. อย่าลืมธรรมเนียมส่วนตัวที่ทำก่อนแข่ง
“ถ้าคุณทำเหมือนว่าเป็นวันแข่งจริงๆ คุณก็จะแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าร่างกายและจิตใจจะเข้าสู่โหมดวันแข่งได้อย่างรวดเร็ว” Waite กล่าว ให้เตรียมรองเท้าและเสื้อผ้าเอาไว้ (จะติดป้ายชื่อด้วยก็ได้นะถ้าอยากทำ) และถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย กินอาหารเย็นที่ดีต่อสุขภาพแล้วเข้านอนให้เร็ว ตื่นขึ้นมากินอาหารก่อนแข่ง “สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความตื่นเต้นและความรู้สึกตื่นตัวที่คุณจะมีก่อนลงแข่ง” นอกจากนี้การแข่งแบบ Virtual ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องฉายเดี่ยวเสมอไป ให้นัดแนะสถานที่ให้กำลังใจเพื่อให้เพื่อนๆ และครอบครัวมาช่วยเชียร์ที่จุดซึ่งคุณคาดว่าน่าจะเริ่มไม่ไหวแล้ว
06. ต้องฉลองหน่อยแล้ว
การชนแก้วหลังจบลอนดอนมาราธอน หรือฉลองด้วยพิซซ่าแสนอร่อยแบบที่ชิคาโกเป็นอะไรที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดเลย หลัง Waite วิ่งจบ Virtual Race เธอกับเพื่อนคู่ฝึกซ้อมและน้องหมาที่เลี้ยงไว้ก็พากันไปนั่งกินลมจิบไวน์สบายอารมณ์กันในสวนสาธารณะแถวบ้าน Waite บอกว่า “หากเราจินตนาการภาพในแง่บวกและภาพการเฉลิมฉลองหลังวิ่งจบ ก็จะทำให้เรามั่นใจในเหตุผลที่เราลงแข่ง และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าในท้ายที่สุดความพยายามนั้นคุ้มค่า
รับประโยชน์ที่มากขึ้น
เข้าแอพ Nike Training Club แล้วดูคำแนะนำที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้เลยทั้งในด้านการฟื้นกำลัง รวมถึงทัศนคติ การเคลื่อนไหว โภชนาการ และการนอนหลับ
รับประโยชน์ที่มากขึ้น
เข้าแอพ Nike Training Club แล้วดูคำแนะนำที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้เลยทั้งในด้านการฟื้นกำลัง รวมถึงทัศนคติ การเคลื่อนไหว โภชนาการ และการนอนหลับ