วิธีการเลือกรองเท้าเดินคู่ที่ใช่เพื่อความสบายตลอดเส้นทาง

คู่มือการซื้อ

ไม่ว่าคุณจะไปเดินเล่นหรือออกสำรวจเมืองใหม่ๆ การมีรองเท้าที่ซัพพอร์ตคุณได้เป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้คือวิธีเลือกรองเท้าเดินที่ดีที่สุด

อัพเดทล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2564
ใช้เวลาอ่าน 8 นาที
รองเท้าแบบไหนเหมาะสำหรับการเดิน

ไม่ว่าคุณจะออกเดินบนทางเท้า ไหล่เขาอันสูงชัน หรือถนนที่มีฝุ่นดินสกปรก เท้าจะทำหน้าที่พาไปสำรวจสิ่งต่างๆ ตามจังหวะเร็วช้าอย่างที่คุณต้องการ สองเท้าคู่นั้นควรจะได้รับการซัพพอร์ตด้วยความสบาย ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นแถวบ้าน หรือออกผจญภัยทั่วประเทศ การสวมรองเท้าเดินคู่ที่ใช่จะช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม รองเท้าคู่เดียวที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกๆ คนไม่มีในโลก การหารองเท้าเดินให้เหมาะสมกับเท้าจึงต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณคาดหวังจากการเดินทาง ต่อไปนี้คือวิธีการค้นหารองเท้าคู่ที่ใช่เพื่อความสบายตลอดเส้นทาง

คุณสมบัติพื้นฐาน 6 ข้อสำหรับรองเท้าเดิน

เมื่อคุณเลือกซื้อรองเท้าเดิน ให้เล็งความสนใจไปที่โครงสร้างของรองเท้า เพื่อดูว่ารองเท้าออกแบบมาเพื่อการเดินจริงๆ หรือไม่ สิ่งที่ต้องมองหามีดังนี้

  1. กรอบปลายเท้าที่มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับการขยับนิ้วเท้าและไม่ทำให้เกิดหนังหนาด้าน (Calluses)
  2. ส่วนหุ้มข้อที่ส้นซึ่งอยู่บริเวณส่วนบนด้านหลังและคอยช่วยลดแรงกระแทกที่ส้น ซึ่งเป็นการสร้างรูปทรงที่แนบกระชับและมีโครงสร้างภายในที่แข็งแรงเพื่อปกป้องเอ็นร้อยหวาย
  3. ส่วนบนที่คอยกระชับเท้าให้เข้าที่และช่วยดูดซับเหงื่อออกไป พร้อมๆ กับปกป้องเท้าจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
  4. พื้นรองเท้าชั้นในที่ลดแรงกระแทกได้มากและรองรับความโค้งของรูปเท้า
  5. พื้นรองเท้าชั้นกลางที่มีเจล เมโมรี่โฟม หรืออากาศคอยลดแรงกระแทกให้เท้าขณะก้าว
  6. พื้นรองเท้าชั้นนอกที่ช่วยยึดเกาะได้ดีกับภูมิประเทศบนเส้นทางปกติของคุณ เช่น พื้นรองเท้าแบบมีปุ่มยางสำหรับการเดินเทรล หรือพื้นรองเท้าแบบแบนสำหรับการทรงตัวบนถนน

การประเมินความสามารถในการทรงตัวและประสิทธิภาพการลดแรงกระแทก

เวลาเลือกรองเท้าสำหรับเดิน ข้อสำคัญคือรองเท้าต้องช่วยประคองการทรงตัวให้เท้าโดยไม่จำกัดการเคลื่อนไหวมากเกินไป ขณะทดลองสวมรองเท้า ลองบิดเท้าไปมาในรองเท้า แรงต้านที่รู้สึกได้ควรอยู่ในระดับที่พอเหมาะ และตอนที่ลองงอนิ้วเท้า นิ้วเท้าจะต้องไม่งอจนเลยส่วนโค้งของเท้า คุณจะสังเกตได้ว่าการพับงอเกิดขึ้นบริเวณอุ้งเท้า หากคุณต้องการให้ส่วนฐานของเท้าได้การรองรับมากขึ้น ให้เลือกเป็นรองเท้าบูทไฮกิ้งหรือรองเท้าวิ่งเทรล ซึ่งจะมีความกว้างของพื้นรองเท้าชั้นนอกมากกว่า

ปริมาณการลดแรงกระแทกที่คุณต้องการจะขึ้นอยู่กับเพซและระยะทางเป็นสำคัญ รองเท้าเดินที่ดีควรมีประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทกได้มากพอเมื่อเท้ากระทบพื้น แต่ไม่มากจนลงน้ำหนักไม่ได้และกลายเป็นอุปสรรคต่อความเร็ว หลีกเลี่ยงรองเท้าดีไซน์มินิมอลซึ่งมีหน้าเท้ากับส้นเท้าเสมอกัน (Zero Drop) แต่ไม่สามารถลดแรงกระแทกได้อย่างเพียงพอ

นักเดินส่วนใหญ่จะมองหารองเท้าพื้นต่ำตั้งแต่ส้นถึงปลายเท้าด้วย เนื่องจากรองเท้าพื้นสูงจะทำให้ท่วงท่าในการเดินเปลี่ยนไป นอกจากนี้ รองเท้าพื้นต่ำตั้งแต่ส้นถึงปลายเท้ายังมีปริมาณการลดแรงกระแทกระหว่างส้นกับปลายเท้าเท่ากันอีกด้วย ซึ่งช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักอย่างทั่วถึง

เคล็ดลับสำหรับการหาความพอดีที่ใช่

  • เวลาซื้อรองเท้าเดินคู่ใหม่ ไม่ต้องไปคิดมากกับช่วงเบรกอิน รองเท้าที่เหมาะกับเราจะใส่แล้วรู้สึกสบายทันทีที่ใส่

  • ไม่ต้องกังวลว่ารองเท้าจะตรงกับการบิดของเท้าหรือการม้วนเอียงของเท้าที่คุณเป็นอยู่หรือไม่ถ้ายังไม่มีอาการปวดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีอุ้งเท้าแบนหรือสูง คุณก็ได้ประโยชน์จากรองเท้าเดินแบบปกติอยู่ดี

  • อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจซื้อหรือเก็บไว้ อย่าลืมใส่เดินให้แน่ใจก่อนเสมอ ซึ่งก็โชคดีที่ Nike มีช่วงทดลองใส่ 60 วันสำหรับรองเท้าของเราทุกๆ คู่ คุณสามารถคืนรองเท้าได้เมื่อรู้สึกไม่พึงพอใจแม้จะลองสวมออกไปเดินข้างนอกแล้วก็ตาม

  • วัดขนาดเท้าเพื่อหาไซส์ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อซื้อทางออนไลน์ หากซื้อรองเท้าเดินแบบ Unisex คุณสามารถใช้ตารางไซส์ Nike นี้เพื่อแปลงไซส์จากผู้ชายเป็นผู้หญิงได้ และหากจำเป็น อย่าลืมวัดความกว้างของเท้าแล้วเลือกรองเท้าเดินตามเท้าหน้ากว้างหรือหน้าแคบด้วย

  • หากเท้าข้างหนึ่งใหญ่กว่าอีกข้าง ให้เลือกไซส์ที่ใส่พอดีกับเท้าข้างใหญ่ที่สุด

  • ลองรองเท้าคู่ใหม่ช่วงเย็นๆ เพราะเท้าจะค่อยๆ บวมขึ้นตลอดวัน รองเท้าจะต้องไม่คับเกินไปแม้จะออกไปเดินเล่นตอนค่ำๆ

จัดลำดับความสำคัญของการเดิน

ไม่มีรองเท้าเดินคู่ใดที่เหมาะกับทุกเส้นทางการเดิน สำหรับคุณความสบายสำคัญที่สุดหรือเปล่า หรือรองเท้าที่เดินไกลๆ ได้ดีสำคัญกว่า ภูมิประเทศแบบไหนที่น่าจะเจอบ่อยที่สุดในการเดิน และข้อสุดท้าย ถ้าต้องใส่คู่กับชุดในตู้เสื้อผ้า ดีไซน์และสีของรองเท้าสำคัญแค่ไหน

ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับความสบาย ระยะทาง สไตล์ หรือเทรลก่อน Nike มีรองเท้าเดินให้คุณได้เลือกตามที่ต้องการ

ความสบาย

คุณอาจจะชอบตื่นมาเดินตอนเช้าๆ ก่อนออกไปทำงาน หรืออาจจะชอบเดินนานๆ เดินไปเรื่อยๆ กับเพื่อน คู่หู หรือตอนพาน้องออกมาเดินเล่น การลดแรงกระแทกกับความสบายจะมาช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ และคุณควรจะได้รับตั้งแต่ก้าวแรก

มองหารองเท้าที่มีระบบลดแรงกระแทก Nike React ซึ่งให้ทั้งความนุ่มและการตอบสนองได้ดี และอย่าลืมเลือกรองเท้าที่ส่วนบนใส่สบายด้วย ส่วนบน Nike Flyknit จะคอยรองรับในพื้นที่ที่คุณต้องการมากที่สุด พร้อมให้ความยืดหยุ่น ระบายอากาศได้ดี และให้ความรู้สึกเหมือนใส่ถุงเท้า

ระยะทาง

ถ้าคุณเป็นคนชอบเดินไกลมากๆ (และอาจจะเดินเร็วมากๆ ด้วย) สิ่งที่คุณต้องการคือรองเท้าเสริมประสิทธิภาพคุณภาพดี เลือกรองเท้าที่ช่วยรองรับ ช่วยในการทรงตัว และมีโฟมน้ำหนักเบาที่จะคอยดูดซับแรงกระแทกเอาไว้ โฟม Nike ZoomX จะส่งแรงกลับให้คุณได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อการเดินทางระยะไกลอย่างที่คุณต้องการ

สไตล์

ไม่ว่าคุณจะต้องการดูดีบนท้องถนน บนลู่วิ่ง...หรือแม้แต่ที่ร้านของชำ รองเท้าก็ควรจะใส่สบายได้เหมือนเดิม ซึ่งก็โชคดี เพราะสุดยอดรองเท้าไอคอนของ Nike หลายรุ่นนอกจากจะช่วยลดแรงกระแทกและรองรับเท้าแล้ว ยังดูดีมีสไตล์ในทุกย่างก้าวอีกด้วย ตัวอย่างเช่น สนีกเกอร์ Nike Huarache ที่แม้สไตล์จะเป็นอมตะแต่ก็ยังเพิ่มความโดดเด่นให้แฟชั่นจากยุค 90 ได้ทุกชุด

เทรล

ไม่กลัวเลอะ อยากได้การยึดเกาะดีๆ เพื่อไปลุยเส้นทางเทรลพวกนั้น ชอบออกนอกเมือง อยากชอบที่ได้เห็นรองเท้าตัวเองเปื้อนโคลน หากฟังแล้วรู้สึกใช่สำหรับคุณ ลองหารองเท้าวิ่งเทรลที่ส่วนบนสามารถปกป้องเท้าจากก้อนหินและเศษหินได้ พื้นรองเท้าชั้นกลางสามารถลดแรงกระแทกและช่วยในเรื่องการทรงตัวได้ และพื้นรองเท้าชั้นนอกสามารถรับมือภูมิประเทศที่สมบุกสมบันได้ด้วยพลังยึดเกาะที่มากพอ รองเท้าวิ่งเทรล Nike มีคุณสมบัติทั้งการถ่ายเทอากาศและการปกป้องอย่างทนทาน เพื่อให้เท้าของคุณได้ระบายอากาศระหว่างออกสำรวจโลกกว้าง

ดีไซน์และวัสดุ

ระหว่างที่ไล่ดูรองเท้าเดิน Nike แต่ละรายการ ให้สังเกตคำสำคัญต่อไปนี้ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกรองเท้าได้ถูกต้องที่สุด

  • Zoom: น้ำหนักเบาพร้อมตอบสนองได้ดี สำหรับวันซ้อมและวันแข่ง
  • React: นุ่มและสปริงตัวได้ดี แต่ก็เบาและทนทานเพื่อความสบายตลอดวัน
  • Air: ตอบสนองได้ดีและลดแรงกระแทกได้อย่างเต็มขั้นเพื่อการวิ่งที่สนุกสนาน
  • Free: ดีไซน์มินิมอลและโค้งงอได้ดีเพื่อให้เท้าของคุณมีอิสระด้วยสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ
  • Shield: รองเท้าเคลือบกันน้ำ เพราะสภาพอากาศเปียกแฉะไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการเดิน
  • Flyknit: มีส่วนบนแนบกระชับราวกับสวมถุงเท้า และเท้าได้รับการโอบรับ
  • ACG: อุปกรณ์สำหรับทุกสภาวะเพื่อให้คุณออกไปสนุกกลางแจ้งได้ในทุกสภาวะ

ระหว่างรองเท้าเดินกับรองเท้าวิ่ง

คุณจะพบว่ารองเท้าเดินของ Nike อยู่ในหมวดเดียวกับรองเท้าวิ่ง แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะนวัตกรรมการวิ่งของเราก็ช่วยยกระดับเกมการเดินของคุณได้เช่นกัน

และรองเท้าคู่เดียวกันก็ช่วยรองรับการเคลื่อนไหวได้ทั้งการเดินและการวิ่ง แม้ทั้งสองกิจกรรมนี้จะอยู่คนละช่วงความเร็วและมีองศาการดูดซับแรงกระแทกต่างกันก็ตาม รองเท้า Nike ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง และอยู่เคียงข้างคุณทุกย่างก้าว ในทุกระยะทาง

ระหว่างรองเท้าเดินกับรองเท้าไฮกิ้ง

รองเท้าไฮกิ้งมีลักษณะคล้ายรองเท้าวิ่งเทรล ซึ่งก็สามารถใช้กับการเดินหรือการวิ่งออฟโร้ดได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าเปรียบเทียบรองเท้าไฮกิ้งกับรองเท้าเดิน เราจะยังพบข้อแตกต่างที่สำคัญอยู่ ดังนี้

  • รองเท้าไฮกิ้งจะรองรับการทรงตัวสำหรับการเดินขึ้นเนินมากกว่า แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่ารองเท้าเดิน ซึ่งอาจทำให้คุณเดินช้าลง

  • รองเท้าไฮกิ้งมีความทนทานมากกว่าและทนต่อสภาพอากาศไม่เป็นใจได้ดีกว่า แต่ก็ระบายอากาศได้น้อยกว่า

  • รองเท้าไฮกิ้งให้ความอบอุ่นมากกว่าในสภาพอากาศหนาวเย็น ขณะที่รองเท้าเดินจะใส่แล้วรู้สึกเย็นตลอดหน้าร้อน

  • รองเท้าเดินมีความอเนกประสงค์มากกว่ารองเท้าไฮกิ้ง และยังคงให้การยึดเกาะได้อยู่ รองเท้าเดินหลายๆ รุ่นก็สามารถใส่ไปวิ่งได้เหมือนกัน

คำถามที่พบบ่อย

รองเท้าแบบไหนที่เหมาะกับการเดินมากที่สุด

รองเท้าที่เหมาะกับการเดินมากที่สุดจะต้องใส่พอดีเท้าและช่วยลดแรงกระแทกกับรองรับการทรงตัวในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกรองเท้าที่ให้การรองรับโดยไม่จำกัดการเคลื่อนไหวจนเกินไป รวมถึงช่วยดูดซับแรงกระแทกโดยไม่รู้สึกหนักจนเกินไป คุณอาจจะพบว่ารองเท้าโร้ดรันนิ่ง รองเท้าวิ่งเทรล หรือรองเท้าไฮกิ้งก็ตาม สามารถใส่เดินได้สบายเท้าเช่นกัน

คุณควรเปลี่ยนรองเท้าเดินบ่อยแค่ไหน

ตามข้อมูลจาก Mayo Clinic รองเท้าเดินควรมีการเปลี่ยนทุกๆ 300-400 ไมล์ (ประมาณ 480 ถึง 640 กิโลเมตร) ซึ่งคิดเป็นเวลาทุกๆ 6 เดือนโดยประมาณหากคุณเดินประมาณ 30 นาทีต่อวัน แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองใส่เดินมานานแค่ไหนแล้ว ลองสังเกตจากร่องรอยการสึกที่พื้นรองเท้าชั้นนอก หากดอกยางสึกเริ่มสึกหรือรองเท้าเริ่มเอียงโย้ไปข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่าถึงเวลาต้องหาคู่ใหม่แล้ว เชื่อความรู้สึกของเท้าด้วย หากรู้สึกว่าการดูดซับแรงกระแทกน้อยลงหรือเริ่มเกิดความไม่สบายใดๆ ขึ้น ให้ซื้อรองเท้าเดินคู่ใหม่ได้เลย

คุณควรมีรองเท้าเดินกี่คู่

การมีรองเท้าเดินอย่างน้อย 2 คู่ถือว่ากำลังดีเพราะคุณสามารถสลับเปลี่ยนกับรองเท้าที่ใส่อยู่ได้ งานวิจัยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2015 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Scandinavian Journal of Medicine and Science in Sports ยืนยันว่าการเวียนใส่รองเท้าช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บเท้าลง 39% และถ้าซื้อไปทีเดียว 2 คู่ตอนนี้เลย คุณก็ไม่จำเป็นต้องรีบกลับมาคิดเรื่องเปลี่ยนรองเท้าอีก

รองเท้าเดินสำหรับการเดินทางที่ใส่สบายที่สุดคืออะไร

นักท่องเที่ยวมักจะเดินสำรวจสถานที่แปลกใหม่เป็นระยะทางค่อนข้างไกล ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนออกทริป อย่าลืมเตรียมรองเท้าเดินดีๆ ไปด้วย เลือกรองเท้าที่มีประสิทธิภาพแต่ยังดูดซับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จากการเดินระยะทางไกลๆ ได้

รองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับการเดินในคนที่เป็นโรครองช้ำ (Plantar Fasciitis) คืออะไร

หากคุณรู้สึกปวดส้นเท้า (สัญญาณของโรครองช้ำ) การใส่รองเท้าเดินที่เหมาะสมจะช่วยลดความไม่สบายตรงนี้ลงได้ เลือกรองเท้าที่รองรับความโค้งของรูปเท้าได้มากและมีพื้นรองเท้าชั้นกลางที่แข็งแรงแต่ยังพอมีความยืดหยุ่น แม้ว่านักเดินส่วนใหญ่จะใช้รองเท้าที่พื้นต่ำตั้งแต่ส้นจรดปลายเท้าได้ดี แต่รองเท้าที่พื้นสูงขึ้นมาอาจมีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นโรครองช้ำได้เหมือนกัน ขอแค่บริเวณปลายเท้ายังคงลดแรงกระแทกได้ก็พอ

เผยแพร่ครั้งแรก: 15 พฤศจิกายน 2564

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

วิธีค้นหารองเท้าที่เหมาะที่สุดสำหรับหน้าเท้าแคบ

คู่มือการซื้อ

ค้นหารองเท้าที่เหมาะสำหรับเท้าหน้าแคบที่สุด

วิธีค้นหารองเท้าที่เหมาะสำหรับหน้าฝน

คู่มือการซื้อ

รองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับสภาพอากาศที่ฝนตกคืออะไร

รองเท้าที่เหมาะสำหรับการวิ่งทางไกล

คู่มือการซื้อ

รองเท้าแบบไหนดีที่สุดสำหรับการวิ่งระยะไกล

อุปกรณ์กีฬาที่ดีที่สุดสำหรับการวิ่งท่ามกลางสายฝน

คู่มือการซื้อ

อุปกรณ์วิ่งกันน้ำสำหรับการวิ่งในวันฝนตก

รองเท้าแบบไหนเหมาะสำหรับลดการบิดเท้าออกด้านนอก

คู่มือการซื้อ

รองเท้าที่เหมาะกับการบิดเท้าออกด้านนอก (Overpronation) ที่สุดคืออะไร