ออกแบบมาให้วิ่งได้ไกลกว่า: Nike Vomero Premium ฉีกขีดจำกัดเพื่อเพิ่มระยะทาง
ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้า
ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในตระกูล Vomero ที่มาพร้อมกับระบบลดแรงกระแทกสูงสุด เป็นรองเท้าฝึกซ้อมระดับสุดยอดสำหรับนักวิ่งบนถนนที่แสดงให้เห็นนวัตกรรมที่ก้าวข้ามขีดจำกัด

สัมผัสต้านแรงโน้มถ่วง
Nike Vomero Premium เป็นรุ่นแรกในตระกูลที่ออกแบบมาเพื่อการฝึกซ้อมระยะไกลทุกวัน สำหรับ Vomero รุ่นนี้ ทีมออกแบบของ Nike ตั้งเป้าที่จะสร้าง “สัมผัสต้านแรงโน้มถ่วง” ซึ่งจะมอบนิยามใหม่แก่การฝึกซ้อมและการฟื้นฟู
เมื่อทีมริเริ่มพัฒนา Vomero Premium พวกเขาก็ตั้งเป้าหมายท้าทายว่า “สร้างประสบการณ์ต้านแรงโน้มโน้มสำหรับเท้าของคุณ” พันธกิจของทีมคือการให้นิยามใหม่แก่การฟื้นฟูและการฝึกซ้อม เพื่อช่วยให้นักกีฬาวิ่งได้ไกลขึ้น ตลอดจนลดการสึกหรอและการบาดเจ็บต่อร่างกาย Vomero Premium ได้รับแรงบันดาลใจจากลู่วิ่งต้านแรงโน้มถ่วง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความรู้สึกเหมือนลดน้ำหนักตัวลงผ่านพื้นรองเท้าที่ให้การปกป้องมากขึ้น โดยผสานโฟม ZoomX สุดนุ่มกับส่วน Air Zoom ที่ตอบสนองได้ดีที่ส้นและปลายเท้า ซึ่งเป็นส่วนเดียวกับที่ใช้ในรองเท้ากรีฑาพื้นตะปูรุ่น Nike Maxfly 2 และ Victory 2 ผลลัพธ์ที่ได้คือรองเท้าที่ให้การลดแรงกระแทกสูงสุด ส่งแรงกลับสูง และลดแรงกระแทก
Ashley Campbell ผู้จัดการสายผลิตภัณฑ์ของ Nike อธิบายว่า รองเท้ารุ่นนี้ “ช่วยให้นักกีฬารู้สึกเหมือนอยู่ในสภาวะต้านแรงโน้มถ่วง รองเท้าทำงานแทนคุณได้มาก ทำให้รู้สึกว่าสามารถผลักดันร่างกายให้ไปได้ไกลกว่าที่เคย” สัมผัสที่ไม่เหมือนใครนี้ไม่ได้ให้แค่ความสบายเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมประสิทธิภาพและการปกป้องด้วย ไม่ว่าจะกำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ หรือออกวิ่งระยะทางไกลในแต่ละสัปดาห์ Vomero Premium ก็ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักวิ่งวิ่งได้ไกลขึ้นแต่สึกหรอน้อยลง ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่าการฟื้นฟูและความเข้มข้นไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในทุกย่างก้าว
ขอบเขต
เมื่อร่วมมือกันสร้างสรรค์ Vomero Premium ทีมออกแบบของ Nike ต้องปะทะกับความคาดหวังว่ารองเท้าวิ่งที่ “ซีเรียส” ควรมีลักษณะอย่างไร และแรงกดดันที่ต้องทำตามกรอบผลิตภัณฑ์เดิมๆ เช่น การฟื้นฟูหรือไลฟ์สไตล์ Vomero Premium ท้าทายขอบเขตเหล่านั้นด้วยซิลลูเอทที่โดดเด่นและยกระดับ รวมถึงสไตล์ที่แปลกใหม่ไม่เกรงใจใคร แม้ว่าดีไซน์ที่มีความหนาของชั้นโฟม 55 มม. จะท้าทายทางเทคนิค ในฐานะที่เป็นรองเท้าวิ่งบนถนนส้นหนาที่สุดและลดแรงกระแทกได้มากที่สุดของ Nike นักออกแบบพยายามหาสมดุลระหว่างการมอบสัมผัสต้านแรงโน้มถ่วงใต้ฝ่าเท้าและรักษาแพลตฟอร์มที่มั่นคงบนทางเท้า แม้ว่ารองเท้าสแต็กสูงขึ้นและมีระบบรองรับแรงกระแทกที่นุ่ม อาจส่งผลต่อความมั่นคง แต่คู่นี้ก็มีพื้นรองเท้าที่กว้างขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง ช่วยให้เดินได้อย่างมั่นคงและเพิ่มความมั่นใจในตลอดระยะทาง
เส้นทางการออกแบบ
เมื่อคนส่วนใหญ่จินตนาการถึงกระบวนการออกแบบรองเท้าวิ่งระดับพรีเมียม ก็จะนึกถึงห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อ เครื่องจักรทันสมัย และการเรนเดอร์ดิจิทัลที่เรียบหรู แต่นั่นไม่ใช่เส้นทางของ Vomero Premium
ตลอดกระบวนการออกแบบ รองเท้าคู่นี้ถือกำเนิดจากจิตวิญญาณสวนกระแสและภารกิจเรียบง่าย นั่นคือสร้างผลงานที่ทำให้นักวิ่งยิ้มได้ทันทีที่สวม และสนุกกับทุกกิโลเมตรระหว่างการแข่งขัน
เส้นทางการออกแบบเริ่มต้นจากการเดินทางไปเกาหลี ซึ่ง Charles Han ดีไซเนอร์ของ Nike และ Rachel Nichols นักพัฒนาร่วมกันประกอบชิ้นส่วนเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของ Nike ได้แก่ โฟม ZoomX, ส่วน Air Zoom และพื้นรองเท้าชั้นนอกลายวาฟเฟิล
Han ใช้ต้นแบบหยาบๆ ที่ติดกาวประกอบไว้ไปลองวิ่งที่ชายหาด 5 กิโลเมตร โดยล้อเล่นว่ารองเท้าอาจจะพังระหว่างทาง แต่ไม่เป็นอย่างนั้น และประสบความสำเร็จ รองเท้าคู่นี้ไม่ใช่นวัตกรรมจากการออกแบบ แต่เป็นนวัตกรรมจากการท้าทาย ความจำเป็น และแนวคิด Rebellious Devotion ของ Nike
ท้าทายขีดจำกัด
Vomero Premium ออกแบบมาเพื่ออิสระอย่างไม่เกรงใจใคร ทีมงานทลายขีดจำกัดผ่านความสูงของสแต็ก 55 มม. ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน และเป็นรองเท้าวิ่งบนถนนที่ส้นหนาที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Nike ส่วน Air Zoom ที่วางอยู่ในจุดสำคัญทั้งที่ส้นและปลายเท้าช่วยยกเท้าขึ้นเพิ่มเติม ทำให้แคปซูลที่ปกปิดอยู่ขยายและหดตัวได้อย่างอิสระ เพิ่มความสามารถในการส่งแรงกลับและแรงขับ
ดีไซน์นี้มีตราสินค้า “AIR” ที่ด้านหลังอย่างโดดเด่น ซึ่ง Han อธิบายว่าเป็นการตัดสินใจนอกกรอบ ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณที่ไม่เกรงกลัวของ Nike
รองเท้าคู่นี้ให้ความมั่นใจผ่านลายเส้นไดนามิก กราฟิกขนาดใหญ่ และซิลลูเอทที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทีมงานถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับความโดดเด่นในดีไซน์ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะ “Just Do It” โดยยอมรับแนวคิดที่ว่านวัตกรรมหมายถึงต้องลองเสี่ยง
ดังที่ Campbell กล่าวว่า “เรารวบรวมองค์ประกอบที่ดีที่สุดทั้งหมดมาสร้างรองเท้าวิ่งที่สมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องสงวนท่าที” Vomero Premium ไม่ใช่แค่รองเท้า แต่พัฒนาจากข้อมูลเชิงลึกของนักวิ่งตัวจริงและสร้างขึ้นเพื่อการวิ่งที่หนักหน่วง เพราะนี่คือไอเท็มสร้างความโดดเด่น นี่คือ Nike ในแบบที่กล้าหาญที่สุด มอบความสบายและประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำเพื่อให้นักวิ่งฝ่าฟันทุกก้าวย่างที่สำคัญที่สุด
ทีมออกแบบเลือกที่จะท้าทายทุกข้อจำกัด ไม่เล่นประนีประนอม แต่ทุ่มสุดตัว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ รองเท้าที่โดดเด่นและก้าวข้ามขีดจำกัดตามที่ Han ผู้มีประสบการณ์ด้านรองเท้ามา 13 ปีประกาศ
“ฉันไม่เคยหลงใหลรองเท้าขนาดนี้มาก่อน”
Charles Han
ดีไซเนอร์ของ Nike
การยอมรับ
การมอบ Vomero Premium ให้นักกีฬาชั้นนำเพื่อแสวงหาการยอมรับขั้นสุดท้ายสำหรับทีมนักออกแบบนี้ จากต้นแบบไม่สมบูรณ์ที่ใช้ทดสอบบนชายหาดในเกาหลี มาเป็นรุ่นที่ใช้งานได้จริง มาถึง Faith Kipyegon นักวิ่งระยะกลางชาวเคนยา เธอก็รู้สึกสงสัย แต่กลับหลงใหลในไม่กี่วินาทีที่ได้ลอง Faith ใช้ Vomero Premium ฝึกซ้อมเพื่อพยายามทำลายสถิติ Breaking4 โดยวิ่งเร็วขึ้น 20 วินาทีต่อไมล์ในการฝึกซ้อม ขณะเตรียมตัวสำหรับเป้าหมายที่จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่วิ่ง 1 ไมล์ในเวลาไม่เกิน 4 นาที
Conner Mantz นักวิ่งระยะไกลชาวอเมริกัน ผู้ชนะการคัดเลือกนักวิ่งมาราธอนโอลิมปิกของสหรัฐฯ ปี 2024 กล่าวว่า “รองเท้ารุ่นนี้มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้พร้อมวิ่งในการคัดเลือกนักวิ่งมาราธอนโอลิมปิก และผ่านเข้ารอบไปแข่งขันโอลิมปิกหลังจากได้รับบาดเจ็บ” เขาอธิบายต่อว่า “ในช่วงเปลี่ยนจากการวิ่งบนลู่วิ่งต้านแรงโน้มถ่วง แล้วกลับมาวิ่งบนพื้นดิน รองเท้านี้เหมาะมากเพราะนุ่มสุดๆ และมีสแต็กรองเท้าสูง… ช่วยให้คนอย่างผมที่เคยบาดเจ็บที่กระดูกกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง รองเท้าคู่นี้ช่วยให้กลับมามั่นใจที่จะวิ่งและแข่งขันได้ทันเวลาสำหรับการแข่งขันมาราธอนรอบคัดเลือกเข้าร่วมโอลิมปิก”
Mantz ยังเน้นย้ำถึงข้อดีในระยะยาวอีกด้วย: “รองเท้าคู่นี้ช่วยประคองขาของคุณได้ เวลาวิ่งสัปดาห์ละ 120 ไมล์ ขาก็จะเหนื่อยมากและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากความตึงและกระดูก การฝึกซ้อมในรองเท้านุ่มกว่าจะช่วยลดแรงกดที่กระดูกและข้อต่อของคุณ”
อนาคต
Vomero Premium เป็นมากกว่ารองเท้า เพราะเป็นพาหนะที่เหมาะสมสำหรับการฟื้นฟู ออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้นักวิ่งทะลวงขีดจำกัด ในฐานะ "ที่สุดแห่งเทรนเนอร์" รองเท้าคู่นี้ท้าทายแนวคิดในกรอบด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและความสบายที่ก้าวล้ำ รองเท้าที่ออกแบบจากข้อมูลเชิงลึกของนักวิ่งตัวจริงนี้เป็นคำตอบอย่างมั่นใจของ Nike ต่อประสิทธิภาพ: ดื้อรั้น งดงาม และพร้อมสำหรับการวิ่งระยะทางข้างหน้า