2025 และหลังจากนั้น

ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เราพยายามสร้างทางออกที่ดีกว่าเพื่อนักกีฬา*ทุกคนและเพื่อโลกใบนี้ เราพยายามพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนตลอดทั้งระบบธุรกิจของเราเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจาก NIKE เราได้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ และเราคือผู้มองโลกในแง่ดี ความสำเร็จและความล้มเหลวของเราตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเป็นตัวผลักดันให้เกิดทางออกและหนทางในการสร้างอนาคตที่พวกเราทุกคนและดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้จะผ่านพ้นปัญหาไปด้วยกัน

NIKE คือผู้สร้างผลกระทบต่อสภาพอากาศเทียบเท่าเมืองระดับโลก นั่นถือเป็นบทบาทที่สำคัญในฐานะบริษัทและปลุกเราให้ใส่ใจกับทุกๆ อย่างที่ทำ เพราะการขยับฟันเฟืองเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับใหญ่ได้ คนจำนวนมากรู้ว่า NIKE เป็นบริษัทใหญ่ แต่เราคิดว่าข้อมูลส่วนนี้สมควรมีการขยายความเพิ่มอีกสักหน่อย NIKE มีพนักงานประมาณ 75,400 คน มีพนักงานในโรงงานทั้งของบริษัทและของซัพพลายเออร์มากกว่า 1 ล้านคน มีพื้นที่จัดตั้งมากกว่า 1,500 แห่ง และในปีงบประมาณ 2020 เราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นค่าความเข้มข้นเทียบเท่าทั้งหมด 11,706,664 เมตริกตัน ซึ่งถ้า NIKE เป็นเมืองเราจะมีจำนวนประชาชนและการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์เทียบเท่าเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

ในปัจจุบัน สินค้า NIKE, Jordan และ Converse มีวัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ 78% จากทั้งหมด และเรากำลังพยายามเพิ่มตัวเลขนี้ให้มากขึ้น เพราะการปรับเปลี่ยนชนิดวัสดุ ซึ่งมีส่วนในการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์คิดเป็นประมาณ 70% ของเรา คือหนึ่งในโอกาสครั้งใหญ่ที่สุดที่เราสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้

ยกตัวอย่างโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล วัสดุชนิดนี้กลายเป็นส่วนประกอบพื้นฐานในการผลิตผ้าและมีจุดเริ่มต้นมาจากขวดพลาสติกรีไซเคิล ขวดพลาสติกดังกล่าวจะผ่านการทำความสะอาด นำไปฉีกบดเป็นชิ้นเล็กๆ แปลงให้เป็นเม็ด จากนั้นจึงนำเม็ดที่ได้มาปั่นเป็นเส้นด้ายชนิดใหม่ที่มีคุณภาพสูง แสดงประสิทธิภาพได้สูงสุด แต่ปล่อยคาร์บอนน้อยลงมากถึง 30% เมื่อเทียบกับโพลีเอสเตอร์บริสุทธิ์ หนึ่งในไลน์สินค้าที่เป็นที่นิยมสูงสุดของเราอย่าง กางเกงขาสั้น Tempo ก็ทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลอย่างน้อย 75% และส่วนใหญ่ตัวเลขการรีไซเคิลจะอยู่ที่ 100% ดังนั้นจนถึงวันนี้ แค่สินค้าเพียงชนิดเดียวของเราก็สามารถดึงขวดพลาสติก 112 ล้านขวดออกจากสถานที่ฝังกลบและท่อระบายน้ำได้แล้ว

วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะยิ่งมีความสำคัญหากกระบวนการผลิตของเราดำเนินตามขั้นตอนอย่างมีความรับผิดชอบ วิธีคิดของเราคือการมองแบบครบวงจรไปที่คาร์บอน, พลังงาน, ของเสีย, เคมี และน้ำ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มีการนำมาใช้ตลอดวงจรชีวิตสินค้า และในท้ายที่สุดทำให้เราสามารถเลือกทางในการพัฒนาสภาวะการทำงานของทีมและสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกได้

การสร้างสินค้าจำเป็นต้องใช้พลังงาน และทุกวันนี้การสร้างดังกล่าวก็ทำให้เกิดของเสีย แต่เราได้เห็นความจริงข้อหนึ่งที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ นั่นคือ ขยะเป็นทรัพย์สมบัติ หนึ่งในนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราอย่าง Nike Air ยังถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่มีความยั่งยืนที่สุดของเราอีกด้วย เพราะเราสามารถนำของเสียจากกระบวนการผลิต Air กลับมาใช้ซ้ำได้มากกว่า 90% และของเสียดังกล่าวมักจะได้รับการเปลี่ยนให้เป็นถุงลม Air ใหม่ ซึ่งในทางหนึ่งถือเป็นการยืนยันได้ว่าพื้นรองเท้า Nike Air ทุกชิ้นทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50%

การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ จะปูทางไปสู่เป้าหมายใหญ่ หากนับจากรายงานผลกระทบครั้งล่าสุดเป็นต้นมา เราได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าด้วยตัวเลขเซนติเมตรเพียงหลักเดียวแต่ได้ป้องกันไม่ให้มีของเสียใหม่เกิดขึ้นมากกว่า 3.5 ล้านกิโลกรัม ซึ่งเมื่อมองในภาพใหญ่แล้ว การปรับเปลี่ยนและนวัตกรรมเหล่านี้ถือเป็นเส้นทางของเราในการบรรลุเป้าหมายการนำขยะจากสถานที่ฝังกลบกลับมาเข้าซัพพลายเชนเพิ่มเติม 100% โดยมีอย่างน้อย 80% ที่รีไซเคิลกลับมาเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ NIKE แม้ว่าเราจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่เราจะพยายามต่อไปเฉกเช่นนักกีฬาของเราที่พยายามอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อพัฒนาฝีมือ เพราะความก้าวหน้าคือเป้าหมายของทุกวัน

ระยะสุดท้ายในวงจรสินค้าคือการส่งสินค้าให้นักกีฬา* และรับสินค้านั้นกลับคืนในเวลาต่อมา นี่เป็นประเด็นที่สร้างความฉงนและสร้างความท้าทายในด้านความยั่งยืนมากที่สุด สินค้าสั่งทำและสินค้าสำหรับส่งมอบวันถัดไป (Next Day Delivery) อาจเป็นเรื่องปกติ แต่ยังขาดความชัดเจนคือบรรดาสินค้ามีตำหนิหรือสินค้าที่ลูกค้าทำใจทิ้งไม่ลง และคงไม่มีใครอยากได้สินค้าหมดสภาพไปใช้ต่ออยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงพยายามคิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมดโดยใช้ทั้งมันสมอง วิทยาศาสตร์ และความอดทนเข้าช่วย

เราตั้งเป้าหมายในปี 2025 ไว้ว่าจะนำสินค้ามีตำหนิไปบริจาค บูรณะ หรือรีไซเคิลให้ได้จำนวนมากกว่า 10 เท่าของที่เราทำได้ในวันนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เราพยายามเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการคืนสินค้าใช้แล้วของตนกลับมาหาเรา โปรแกรม Reuse-A-Shoe ของเราแม้จะมีให้บริการในร้านทั่วทั้ง USA และยุโรปแล้ว แต่เรายังขยายพื้นที่ให้บริการไปยังร้านในกลุ่มประเทศ Greater China และกระตุ้นให้เกิดการทำงานในส่วนนี้มากขึ้นด้วย เราจัดเวิร์กชอปการอัพไซเคิลขยะและเพิ่มเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ลูกค้าด้วย เช่น โปรแกรม Nike Circular Design Guide ช่วงที่ผ่านมาเราได้ริเริ่มโครงการ Nike Refurbished ที่ร้านบางแห่งในทวีปอเมริกาเหนือ เรายังจัดเวิร์กชอปการอัพไซเคิลขยะและเพิ่มเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อต่ออายุของสินค้าด้วย เช่น วิดีโอการซ่อมแซมและการดูแลรักษา การเดินทางของเราเพิ่งจะเริ่มต้นด้วยบริการต่างๆ เหล่านี้ แต่เป้าหมายของเราไม่ได้ต่างอะไรจากทุกๆ อย่างที่เราทำอยู่แล้ว นั่นคือเพื่อดูแลนักกีฬาทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยแรงบันดาลใจและนวัตกรรม

เมื่อพูดถึงการเขียนอนาคตให้โลกของเราขึ้นใหม่ เป้าหมายของเราคือการเปลี่ยนมาตรฐานโรงงานควบคู่ไปกับสินค้าและกระบวนการที่เราใช้ เพราะเรารู้ว่ายิ่งเราช่วยกันทำเพื่อสิ่งแวดล้อมเร็วขึ้นและมากขึ้นเท่าใด สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับเจเนอเรชันถัดไปมากเท่านั้น เรายังได้สร้างแนวทางให้นักกีฬา*แต่ละคนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ลองมองหาสัญลักษณ์ Sunburst เวลาเลือกซื้อสินค้า NIKE ร่วมฟังการพูดคุยถกเถียงและไอเดียต่างๆ จากชุมชน NIKE ผ่าน Talking Trash เรียนรู้ภาระรับผิดชอบของแบรนด์ (Accountability) ไปจนถึงข้อตกลงเพื่อความยั่งยืนระดับใหญ่ต่างๆ เช่น G7 Fashion Pact, Transform to Net Zero และ UNFCCC Fashion Industry Charter for Climate Action อย่าลืมมองหาแหล่งข้อมูลสำหรับ Membership เช่น วิดีโอ Repair & Care ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดในซัมเมอร์นี้และในผังโปรแกรมของร้านประจำท้องที่