
SNKRS STYLE
AIR MAX 1 PREMIUM
Nike Air Max 1 เปิดตัวครั้งแรกใน วันที่ 26 มีนาคม 2530 และได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมในทันที ด้วยพื้นรองเท้าชั้นนอกแบบ Air ที่จะถูกมองเห็นได้อย่างโดดเด่น โดยได้รับแรงบันดาลใจในความแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์ Parisian - Centre Georges Pompidou ซึ่งเป็นอาคารที่ถูกออกแบบในลักษณะที่วางองค์ประกอบเชิงโครงสร้างทั้งหมดเอาไว้รอบนอก โดยนักออกแบบในตำนานของ Nike อย่าง Tinker Hatfield ตัดสินใจฉีกกรอบเดิมๆ ด้วยการสร้างช่องเล็กๆ ที่ส่วนของพื้นรองเท้าชั้นกลาง เพื่อให้สามารถมองเห็นถุงลม Airในรองเท้าได้อย่างชัดเจน และนี่คือที่มาของ Nike Air Max 1
ส่วนที่เหลือคือตำนาน

ในปีนี้เราได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 35 ปี ของรองเท้าคู่นี้ ด้วยการเปิดไลน์ผลิตขึ้นมาใหม่ Air Max 1 Premium คือรองเท้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Kintsugi ศิลปะของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกระบวนการทางศิลปะ ที่ให้คุณซ่อมแซมของที่แตกหักเสียหายด้วยทองคำ และเราได้ทบทวนจิตวิญญาณของ Air Max 1 ที่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ชุมชนของเรา สร้างอนาคตที่พร้อมเปิดรับสิ่งแปลกใหม่อย่างโดดเด่น ด้วยข้อบกพร่องที่น่าหลงใหลได้อย่างเต็มที่ อนาคตที่ความไม่สมบูรณ์นี้จะได้รับการเฉลิมฉลอง สู่การเป็นเครื่องหมายของความเป็นเอกลักษณ์ ที่จะถูกสร้างขึ้นสำหรับการสร้างสรรค์ความเป็นจริงที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์สำหรับทุกคน
เราได้ร่วมมือกับ atmos เพื่อแสดงพลังของการสร้างอนาคตไปกับ บุคคล 3 คนจาก 3 ประเทศได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อดูว่าพวกเขาจะจัดการสร้างสรรค์สไตล์ให้ Nike Air Max 1 Premium ออกมาอย่างไร และพวกเขาจะถ่ายทอดข้อบกพร่อง และบรรทัดฐานที่ท้าทายนี้ได้อย่างไร

ศิลปิน และนักออกแบบ Upcycling, กรุงเทพ ประเทศไทย (@proudfa)
พราวฟ้า สันติอัศวราภรณ์
ฉันเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด และหมกมุ่นอยู่กับการทำโปรเจกต์ให้เสร็จจนพอใจก่อนที่จะออกไปทำอย่างอื่น ซึ่งทำให้คนอื่นทำงานกับฉันได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีแต่ความคิดสร้างสรรค์อย่างที่ฉันเป็นอยู่ หลังจากได้รับคำติชมในด้านลบเกี่ยวกับเรื่องนี้จากหลายๆ คน ฉันใช้เวลานานมากในการตั้งคำถามกับตัวเอง และพยายามเปลี่ยนวิธีการทำงานของตัวเอง แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหน ฉันก็ไม่พบความพึงพอใจในแบบที่เคยเป็น

มันใช้เวลานานสำหรับฉัน ในการยอมรับตัวเองในแบบที่ฉันเป็น และการยอมรับกับความรู้สึกที่ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่านี่เป็นลักษณะเชิงลบ เพราะเราอาศัยอยู่ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จ "ความขยัน" มากกว่าสิ่งอื่นใด และฉันเองก็ต้องการสนุกกับงานที่ทำอยู่ ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ที่ได้รับจากการทำงานหนัก
ฉันคิดว่าชุมชนแห่งความสร้างสรรค์ในประเทศไทย ยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน และปัญหาหลัก คือการเข้าถึงทรัพยากรจากพื้นที่อื่นนอกกรุงเทพฯ คนต่างจังหวัดมีพรสวรรค์ และวัฒนธรรมมากมายที่ยังไม่ถูกใช้ซึ่งจำเป็นต้องได้รับพื้นที่ในการเฉิดฉาย ฉันพยายามเลือกโครงการ และสนับสนุนธุรกิจที่ทำงานเพื่อเน้นย้ำ และยกระดับชุมชนต่างจังหวัดให้มีความสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ๆ

ศิลปิน & ผู้ร่วมก่อตั้ง @TheFineryReport, จาการ์ตา อินโดนีเซีย (@mandycj_)
แมนดี้ ซีเจ
เมื่อฉันเริ่มเป็นวัยรุ่นในโลกดิจิทัล ฉันต้องทนทุกข์กับอาการจอมปลอมมาเป็นเวลานาน และความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน คือการไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ดังนั้นฉันจึงแสวงหาการยอมรับจากผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์อยู่เสมอ หลังจากใช้เวลา 5 ปี ในอุตสาหกรรมนี้ ฉันได้สอนตัวเองมากมายเกี่ยวกับธุรกิจ และตอนนี้ฉันถือว่าอายุของฉันเป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง เพราะไม่เพียงแต่ฉันมีเวลาในการเรียนรู้ และเติบโตเท่านั้น แต่ฉันยังเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นผู้นำ และผู้กำหนดทิศทางของโลกในยุคต่อไป

ฉันรู้สึกมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้น และเมื่อฉันได้ทำงานเพื่อสร้างเครือข่ายสตรีที่เข้มแข็ง ที่พร้อมจะสนับสนุนในความพยายามของฉัน ความหวังของฉันคือการทำให้เด็กผู้หญิง และผู้หญิงทุกคน รู้สึกมีพลังที่จะไล่ล่าความทะเยอทะยานของพวกเขาในทุกช่วงอายุ ประสบการณ์ หรือการขาดบางอย่าง สามารถเป็นพลังวิเศษของคุณ!

ศิลปินเพลง, กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (@laylasania)
ไลลา ซาเนีย
เชื่อหรือไม่ ฉันเคยเป็นคนค่อนข้างขี้อาย และเก็บตัว นอกเวทีฉันพยายามแสดงออกเท่าที่จำเป็นเพราะกลัวการพูดผิด แต่ฉันเลือกถ่ายทอดความกลัวนี้เป็นสิ่งที่ฉันต้องการแสดงออกบนเวที และมันทำให้ฉันรู้สึกแตกต่าง ฉันเป็นอิสระมากขึ้นเมื่อฉันได้แสดง ฉันต้องการให้ผู้ชมรู้สึกอย่างนั้นในเพลงของฉัน การเรียนพูดและร้องเพลงเป็นภาษาจีน ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฉันได้เปิดโลกกว้าง ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่จำเป็นต้องปิดบัง และเสแสร้งอะไรอีกต่อไป ดนตรีอยู่กับฉันเสมอ และพร้อมเติบโตไปกับฉัน ทำให้ฉันเป็นฉันที่ดีขึ้น

เมื่อฉันคิดถึงอนาคตที่ฝันว่าฉันจะสามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มคนต่างๆ ทั่วโลกได้ และไม่ถูกจำกัดด้วยภาษาที่ฉันพูดอีกต่อไป ฉันต้องการผสมผสานดนตรี และการศึกษาเข้าด้วยกันมาโดยตลอด ตอนนี้ฉันกำลังเรียนเพื่อเป็นครู และฉันหวังว่าฉันจะสามารถดูแลเด็กๆที่มีความต้องการที่พิเศษได้อย่างเชี่ยวชาญ เพื่อที่ฉันจะได้เปิดโรงเรียนของตัวเองพร้อมด้วยหลักสูตรเฉพาะของตัวเอง ที่ผสมผสานการศึกษา และดนตรีเข้าไว้ด้วยกัน มันอาจจะเป็นทางเดินที่ยากลำบาก และเต็มไปด้วยความท้าทายมากมาย แต่มันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ฉันเลือกพยายาม
