วิธีค้นหารองเท้าที่เหมาะกับหน้าเท้ากว้าง

ถ้าคุณเป็นคนมีหน้าเท้ากว้าง การหารองเท้าที่มีไซส์ถูกต้องอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เท้าคือส่วนที่ได้รับแรงกดมหาศาลจากการวิ่ง การเล่นบาสเก็ตบอล กรีฑา ตลอดจนกีฬาและกิจกรรรมส่วนใหญ่อีกหลายประเภท การดูแลรักษาเท้าให้ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนของรองเท้า Nike ที่ดีที่สุดที่มีตัวเลือกสำหรับเท้าหน้ากว้างหรือกว้างพิเศษ

• รองเท้าที่มีเทคโนโลยี Nike Zoom Air
• รองเท้าที่มีเทคโนโลยี Nike FlyEase
• Nike Air Zoom Pegasus
• Nike Air Zoom Structure
• Nike Zoom Vomero

หากไม่แน่ใจหรือรู้สึกว่ารองเท้าที่ตัวเองมีก็ใส่พอดีอยู่แล้ว ลองใช้เวลาสักครู่ทดสอบว่าตัวเองมีเท้าหน้ากว้างหรือไม่ก็น่าจะเป็นประโยชน์ อ่านคู่มือนี้เพื่อค้นหารองเท้าที่เหมาะกับกีฬาที่คุณเล่นหรือกิจกรรมที่คุณทำมากที่สุด

รองเท้าที่ออกแบบมาให้เหมาะกับหน้าเท้ากว้างมักจะมีโครงสร้างส่วนส้นเหมือนรองเท้ามาตรฐานทั่วไป แต่จะขยายขนาดขึ้นในบริเวณกรอบปลายเท้า เพิ่มความกว้างของปลายเท้า และบางครั้งก็ความลึก

รองเท้าหน้ากว้างอาจจะมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่คุณต้องการด้วย เช่น โฟมลดแรงกระแทก วัสดุคุณภาพสูง (ใช้วัสดุหนังที่ส่วนบนของสนีกเกอร์ หรือใช้ตาข่ายระบายอากาศที่ส่วนบนของรองเท้าวิ่ง) และการรองรับอุ้งเท้า

ซึ่งไม่ว่าคุณจะช้อปปิ้งออนไลน์หรือเลือกเดินเข้าไปซื้อในร้าน ก็มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรจะต้องคำนึงเอาไว้ เพื่อให้ได้รองเท้าหน้ากว้างที่ช่วยให้เท้ารู้สึกสบายเสมอขณะที่ยังได้ข้อดีเชิงประสิทธิภาพที่จำเป็นสำหรับคุณด้วย

ที่ผ่านมาคุณอาจจะเคยเห็นมาบ้างว่ามีร้านรองเท้าบางแห่งให้พนักงานขายนำตัวสไลด์โลหะบางอย่างมาวัดไซส์เท้าของคุณ (ซึ่งเรียกกันว่า Brannock Device)

แต่ปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่จะชอบซื้อรองเท้าออนไลน์ตามไซส์ที่ตัวเองซื้อประจำ ถ้าอย่างนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเท้าของเราเป็นเท้าหน้ากว้างหรือเปล่า

วิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุดคือการใช้แอพบนสมาร์ทโฟน (เช่น แอพจาก Nike) ที่สามารถสแกนเท้าทั้งข้าง นำมาทำแผนผังโครงสร้าง รวบรวมองค์ประกอบข้อมูลจาก 13 ตำแหน่ง แล้วนำมาแสดงผลลัพธ์ให้คุณภายในไม่กี่วินาทีได้

หรืออีกวิธีคือการวัดโดยใช้สายวัด (หรือไม้บรรทัด) ปากกา และกระดาษสองแผ่น ตามขั้นตอนดังนี้

1. ถอดรองเท้าออก
2. วางกระดาษบนพื้นแล้วยืนเหยียบกระดาษ
3. ลากเส้นตามรูปเท้า
4. วัดระยะห่าง ณ จุดที่กว้างที่สุดของเท้า (แนวกว้างบริเวณจมูกเท้า)
5. ทำแบบเดียวกับเท้าอีกข้าง

เมื่อได้ขนาดแล้ว ให้นำไปเปรียบเทียบกับตารางออนไลน์เพื่อดูว่าหน้าเท้าของคุณมีลักษณะแคบ ปกติ กว้าง หรือกว้างพิเศษ

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใส่รองเท้าไซส์ 7 ของผู้หญิง และวัดส่วนที่กว้างที่สุดของเท้าได้ 3 7⁄16 แสดงว่าคุณเหมาะกับรองเท้าความกว้างปกติ ถ้าวัดได้ 3 5⁄16 แสดงว่าเหมาะกับรองเท้าหน้าแคบ แต่ถ้าวัดได้ 3 9⁄16 แสดงว่าคุณเหมาะกับรองเท้าหน้ากว้าง

ตัวแปรที่สามารถส่งผลต่อรูปเท้าของคุณได้มีอยู่หลายชนิด ตอนเด็กๆ หน้าเท้าของคุณอาจจะแคบหรือเป็นปกติ แต่เมื่อโตขึ้นคุณอาจจะพบว่าต้องหารองเท้าที่มีหน้ากว้างกว่าเดิมมาใส่ ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดมีดังนี้

• ภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง (Bunion): เป็นภาวะที่มีกระดูกปูดจนดูไม่ปกติ ซึ่งจะค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นเมื่อหัวแม่โป้งโดนดันให้เอียงเข้าด้านในแทนที่จะเหยียดตรง ภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียงอาจเกิดขึ้นได้หากสวมรองเท้าผิดไซส์เป็นประจำหรือมีภาวะทางการแพทย์บางอย่าง เช่น โรคข้ออักเสบ นอกจากนี้ ภาวะนิ้วหงิก (Hammertoe) และโรคหนังหนาด้าน (Calluse) ก็เป็นอาการของนิ้วเท้าอีกกลุ่มที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งทำให้คุณต้องหารองเท้าหน้ากว้างมาใส่

• เท้าแบน (Flat Arch): เป็นภาวะที่ได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือเกิดขึ้นเองจากการใช้เท้า ลักษณะของเท้าจะขยายกว้างขึ้นเมื่ออุ้งเท้าเริ่มทรุดตัวลง คนที่ต้องยืนตลอดทั้งวันมีโอกาสที่จะค่อยๆ เกิดอาการเท้าแบนได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้ใส่รองเท้าที่ช่วยรองรับอุ้งเท้า

• ภาวะคั่งน้ำ (Fluid Retention): เป็นภาวะบวมน้ำที่อาจเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์หรือเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงก่อนมีประจำเดือน นอกจากนี้ ยังอาจเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาบางชนิด หรืออาจเป็นผลมาจากภาวะทางการแพทย์ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว

• พันธุกรรม: บางคนอาจเกิดมาพร้อมกับเท้าหน้ากว้างอยู่แล้ว เพราะหากพ่อแม่มีหน้าเท้ากว้าง ลูกก็มีแนวโน้มที่จะมีหน้าเท้ากว้างเช่นกัน

• การตั้งครรภ์: โดยปกติหลายคนจะสังเกตว่าเท้าของตัวเองขยายกว้างขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองและไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีฮอร์โมนบางตัวทำให้เอ็นยึดคลายตัวลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลให้เท้ากว้างขึ้นเล็กน้อย

ไม่ใช่ผู้ผลิตรองเท้าทุกรายที่จะทำให้รองเท้ามีหน้ากว้างหลายแบบ ซึ่งหากคุณเป็นคนหน้าเท้ากว้าง ก็อาจจะเจอความลำบากในการตามหารองเท้าที่ได้ความกว้างอย่างที่ต้องการ จนสุดท้ายก็อาจเป็นความจำใจที่จะยอมใส่รองเท้าที่มีความกว้างตามมาตรฐานเพียงเพื่อจะได้ดีไซน์รองเท้าที่ชอบ

แต่การสวมรองเท้าผิดไซส์ก็อาจส่งผลเสียได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการในระยะสั้นอย่างอาการปวด ไม่สบายเท้า บวม พุพอง และเจ็บอุ้งเท้า เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจเกิดอาการอื่นๆ ร่วมด้วย อย่างภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง นิ้วหงิก ตาปลา หนังหนาด้าน เล็บขบ เส้นประสาทถูกกด หินปูนเกาะกระดูก ฯลฯ

รองเท้าที่ไม่พอดีเท้ายังเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพเท้าที่ย่ำแย่ในผู้สูงวัยและผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วย ซึ่งคนทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มที่มักจะสวมรองเท้าหน้าแคบเกินไป และผู้ที่เป็นโรคเบาหวานนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภาวะปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) ซึ่งอาจนำไปสู่อาการเจ็บ แผลเบาหวานที่เท้า และการตัดขาตั้งแต่ใต้เข่าลงไป

รองเท้าที่ใส่พอดีเท้าอย่างเหมาะสมยังจำเป็นในแง่ของความสบายและประสิทธิภาพสูงสุดด้วย งานวิจัยจาก Journal of Sports Science and Medicine เมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 ระบุว่า การใส่รองเท้าวิ่งที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสบาย เร่งประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องกับการวิ่ง และยังมีศักยภาพในการช่วยลดการบาดเจ็บได้อีกด้วย

นอกจากนี้ รองเท้าวิ่งหลายรุ่นยังออกแบบมาให้มีข้อดีแตกต่างกันอีกด้วย เช่น การดูดซับแรงกระแทกหรือเสริมการทรงตัว แต่งานวิจัยจาก Journal of Foot and Ankle Research เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2018 พบว่า รองเท้าจะให้ข้อดีตามที่ออกแบบมาไม่ได้เลยหากใส่แล้วไม่พอดีเท้าอย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้น การหารองเท้าที่เหมาะกับเท้ามากที่สุดนอกจากจะช่วยให้การเทรนนิ่งของคุณเป็นไปตามแผนแล้ว ยังเป็นตัวตัดสินด้วยว่าสุดท้ายคุณจะได้ลงแข่งหรือได้แค่นั่งดูริมสนาม