รองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับสภาพอากาศที่ฝนตกคืออะไร

คู่มือการซื้อ

โลกไม่ได้หยุดหมุนตอนฝนตก การเทรนนิ่งของคุณก็ไม่จำเป็นต้องหยุดเช่นกัน ให้เท้าของคุณแห้งเสมอด้วยรองเท้าสำหรับสภาพอากาศที่ฝนตก ไม่ว่าจะเล่นกีฬาใด

อัพเดทล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2565
ใช้เวลาอ่าน 7 นาที
วิธีค้นหารองเท้าที่เหมาะสำหรับหน้าฝน

การทำให้เท้าของคุณแห้งและอบอุ่นเสมอในอากาศที่มีฝนตกเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะวิ่งเป็นกิจวัตร ช่ำชองในการไฮกิ้ง หรือสนุกกับการเล่นบาสเก็ตบอลกลางแจ้ง

ฝนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอาศัยหรือฝึกซ้อมอยู่ที่ใด ดังนั้นการเตรียมพร้อมอย่างเหมาะสมด้วยอุปกรณ์กีฬาที่ทนทานต่อสภาพอากาศไม่เป็นใจต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ รองเท้าที่พร้อมลุยฝนจะช่วยยึดเกาะ กันน้ำ และป้องกันความชื้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการมีรองเท้าคู่นั้นก็จะช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ได้

ความสามารถที่แสดงออกมานั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศใดๆ ที่ต้องเผชิญ การสะดุดล้มและลื่นไถลบนเทรลหรือสนามที่แฉะอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บและต้องพักไปตลอดทั้งฤดูกาลที่เหลือ สิ่งที่คุณควรมองหาในรองเท้าสำหรับสภาพอากาศที่ฝนตกจึงมีดังต่อไปนี้

วิธีเลือกรองเท้าสำหรับลุยฝน

  1. 1.เลือกรองเท้าสำหรับการซ้อม

    สภาพอากาศ ภูมิประเทศ และสภาวะอากาศในแต่ละวันแตกต่างกันไปตามสถานที่ ซึ่งก็ไม่ใช่สนีกเกอร์ทุกคู่ที่จะเหมาะกับทุกสถานการณ์ หากคุณเป็นนักวิ่งมาราธอนแบบออฟโรด นักวิ่งเร็วในลู่วิ่ง หรือนักฟุตบอล การเลือกรองเท้าวิ่งก็ควรจะเลือกจากดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการนั้นๆ และเส้นทางที่คุณใช้วิ่งเป็นประจำ

    รองเท้าวิ่งโร้ดรันนิ่ง

    รองเท้าเช่นที่อยู่ในคอลเลกชัน Nike Shield จะช่วยปกป้องคุณจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจด้วยวัสดุเคลือบกันน้ำ การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้น และส่วนสะท้อนแสงแบบ 360 องศา กรอบปลายเท้าพื้นที่กว้างกับระบบลดแรงกระแทก React ทรงกว้างจะทำให้คุณรู้สึกถึงความมั่นคงและไว้ใจได้จากรองเท้าตลอดการวิ่ง จากนั้นแค่นำส่วนหุ้มแบบทนต่อสภาพอากาศมาแต่งเพิ่มอีกนิดด้วยการปิดคลุมที่ส่วนปลายเท้า เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว

    หรือลองดูอีกคู่อย่าง Nike Air Zoom Pegasus บริเวณปลายเท้าจะมีส่วน Zoom Air และโฟม React ที่ตอบสนองได้ดีคอยช่วยให้การหักเลี้ยวและหมุนตัวเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่พื้นรองเท้าชั้นนอก Storm-Tread มีปุ่มยางหลายจุดและช่องระบายน้ำ ซึ่งสามารถยึดเกาะพื้นถนนได้ทุกครั้งที่เท้าย่ำพื้น

    รองเท้าวิ่งเทรลและเดินป่าไฮกิ้ง

    ไม่ว่าจะเป็นการไฮกิ้งหรือการวิ่งเพื่อทดสอบฝีมือ คุณอาจจะต้องมีรองเท้าอย่าง Pegasus Trail ที่มาพร้อมพื้นรองเท้าชั้นกลาง React ซึ่งให้ความนุ่มสบายและช่วยให้การถ่ายเทน้ำหนักเป็นไปอย่างลื่นไหลมากขึ้น ขณะที่บนพื้นรองเท้าชั้นนอกมีปุ่มยางซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรถจักรยาน คอยช่วยให้การวิ่งบนภูมิประเทศที่ไม่สม่ำเสมอของคุณเป็นไปอย่างมั่นคง นอกจากนี้ ส่วนบนแบบ GORE-TEX ยังทำหน้าที่เป็นแบริเออร์น้ำหนักเบาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่เปียกชื้นที่สุดอีกด้วย

    หรืออาจเลือกเป็น Nike SFB Field รองเท้าบูทเอาท์ดอร์เพื่อการรับมือกับสภาวะอันสมบุกสมบันอย่างแท้จริงผ่านวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและทนทานตลอดทั้งตัว โดยในส่วนของผ้าใบและหนังทนทานจะเป็นองค์ประกอบที่ให้ความสบายซึ่งยืนหยัดต่อสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ขณะที่พื้นรองเท้าโฟมชั้นกลางน้ำหนักเบามีแผ่นรองหินที่คอยปกป้องเท้าของคุณจากหินและรากไม้

    รองเท้าสปอร์ตแวร์

    ในสภาพที่ฝนตกหนัก คุณอาจจะไม่ได้อยากออกไปทำ PR ใหม่บนลู่วิ่งหรือเส้นทางเทรล แต่การมีอะไรมาปกป้องจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจนี้ระหว่างออกไปข้างนอกก็น่าจะยังจำเป็นอยู่ เราจึงขอแนะนำ Nike Air Force รองเท้าที่จะทำให้คุณรู้สึกแห้งเสมอ และในตอนนี้ยังมาพร้อมโครงสร้าง GORE-TEX เพื่อเพิ่มการปกป้องจากสภาพอากาศเข้าไปอีก

  2. 2.ความพอดีและสัมผัสต้องมาก่อน

    วิธีเดียวที่จะทำให้รู้ได้ว่ารองเท้าคู่ไหนเหมาะกับคุณที่สุดคือการลองใส่ พอใส่แล้วก็ออกไปลองกับความชื้นแฉะข้างนอกได้เลย เพราะเราเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องของการหาความพอดีและสัมผัส ไม่มีวิธีไหนแล้วที่สามารถแทนที่การลองใส่รองเท้าจริงๆ ในสภาวะเปียกชื้นได้ หากลองแล้วไม่ชอบ สามารถคืนได้เล

  3. 3.การตัดสินใจระหว่าง “เคลือบกันน้ำ” หรือ “กันน้ำ”

    ควรเลือกรองเท้า “เคลือบกันน้ำ” หรือ “กันน้ำ”? คำตอบขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการการปกป้องมากเพียงใด

    รองเท้าเคลือบกันน้ำจะใช้ตะเข็บซีลเพื่อกันน้ำบริเวณพื้นผิวด้านนอก แล้วจึงใช้วัสดุเคลือบกันน้ำชั้นบางๆ ด้านในสนีกเกอร์เพื่อทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอ ส่วนถ้าเป็นรองเท้ากันน้ำของ Nike จะใช้เทคโนโลยี GORE-TEX คอยกันไม่ให้น้ำไหลผ่านได้

    ในวันที่ฝนตกเบาๆ รองเท้าเคลือบกันน้ำถือว่าเพียงพอแล้วในการปกป้องให้เท้าของคุณแห้งอยู่เสมอ แต่ถ้าเป็นวันที่สภาวะอากาศเปียกชื้นมากขึ้นและมาพร้อมฝนที่ตกหนัก ตัวเลือกของคุณควรจะเป็นรองเท้ากันน้ำมากกว่าเพื่อกันฝนไม่ให้เข้ารองเท้า

  4. 4.พิจารณาคุณสมบัติอื่นๆ

    คุณอาจจะลองหาคุณสมบัติอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณพร้อมลุยสภาวะอากาศที่มีฝนตกได้โดยเฉพาะ เช่น รองเท้าพร้อมรับสภาพอากาศของ Nike ซึ่งประกอบด้วยนวัตกรรมต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น

    • ACG: อุปกรณ์สำหรับทุกสภาวะของ Nike ที่นำความอเนกประสงค์ฉบับคนเมืองมารวมเข้ากับดีไซน์ทันสมัยเพื่อการใช้งานขั้นสูงสุดในทุกสภาวะ

    • Free: เทคโนโลยี Nike Free ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เท้าโดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความสมดุลให้กับเท้า

    • React: โฟม Nike React ให้การตอบสนองและความทนทานในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมมีน้ำหนักเบาและสัมผัสนุ่ม

    • Shield: Nike Shield ช่วยปกป้องจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจด้วยวัสดุเคลือบกันน้ำ การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้น และส่วนสะท้อนแสงแบบ 360 องศา

    • Zoom: เทคโนโลยี Nike Zoom Air เป็นส่วน Air ทรงแบนและบาง ซึ่งมีระบบลดแรงกระแทกที่ตอบสนองได้ดี เพื่อให้ความเร็วสูงสุดและการเคลื่อนไหวอันว่องไวเหนือชั้น
  5. 5.ค้นหาดีไซน์ที่คุณชอบ

    ไม่ใช่เรื่องฟังก์ชันเพียงอย่างเดียว รองเท้าที่ยังใส่สบาย ทำให้ดูดี และมีความมั่นใจแม้ในวันที่อากาศหนาวและฝนตกก็สำคัญเช่นกัน รองเท้าวิ่ง Nike มีสีสันหลากหลายให้เลือกเพื่อให้เข้ากับสไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสีอ่อนหรือสีสว่าง สีแบบโมโนโครมหรือสีรุ้ง

วิธีค้นหารองเท้าที่เหมาะสำหรับหน้าฝน

อยู่รอดปลอดภัยกลางสายฝน

รอบรู้เส้นทางของคุณ

แม้คุณจะเป็นนักวิ่งเทรล ก็ไม่ได้แปลว่าการวิ่งจะต้องหยุดชะงักในวันที่ฝนตก คุณแค่ต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างให้เหมาะสม โดยเฉพาะรองเท้าและเส้นทางเพื่อการันตีความปลอดภัยของตัวเอง

น้ำฝนจะทำให้พื้นลื่นและมีทัศนวิสัยแย่ลง หินหรือพื้นผิวเรียบๆ จะมีความลื่นเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ ตัวเลือกที่เราแนะนำคือเลือกรองเท้าที่มีการยึดเกาะและรองรับข้อเท้าเพื่อช่วยในการทรงตัวเมื่อคุณเสียหลัก

และเชื่อฟังป้ายที่แจ้งการปิดเส้นทางเทรลเสมอ เพราะป้ายที่นำมาตั้งเป็นของผู้เชี่ยวชาญผู้ซึ่งคำนึงถึงความปลอดภัยของคุณและต้องการปกป้องสิ่งแวดล้อมจากการถูกกัดเซาะ อาจจะมีน้ำท่วมหรือภัยอันตรายที่ตอนแรกไม่ได้ปรากฏชัดก็ได้ ซึ่งหากเส้นทางเทรลที่คุณใช้เป็นปกติถูกปิด ให้ลองใช้เส้นทางถนนที่คุณอาจคุ้นเคยจากการขับรถแทน

เวลาที่ฝนตก ความสามารถในการมองเห็นจะลดลง ดังนั้นเวลาวิ่งให้พยายามอยู่ในเส้นทางที่เคยวิ่งมาก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการหลงทาง ยิ่งวันที่มีพายุฝนยิ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีในการอยากลองเส้นทางใหม่ๆ และเพื่อให้นักวิ่งและรถยนต์คันอื่นๆ มองเห็นคุณได้อย่างชัดเจน ชุดและรองเท้าวิ่งที่ใส่ก็ควรมีส่วนสะท้อนแสงติดอยู่ด้วย

ใส่ชุดวิ่งที่ดีไซน์มาสำหรับการลุยฝน

รองเท้าวิ่งไม่ใช่สิ่งเดียวที่คุณควรนึกถึง เสื้อผ้าที่เลือกก็ควรเหมาะสำหรับการลุยสภาวะเปียกชื้นเพื่อปกป้องตัวคุณจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจด้วย

การใส่เสื้อผ้าหลายชั้นตอนวิ่งลุยฝนเป็นเรื่องปกติ แต่การใส่เสื้อผ้าหลายชั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวแห้งมากขึ้น คุณจำเป็นต้องมีชุดที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการทนฝน นอกจากนี้ ฝนตกก็ไม่ได้หมายความว่าอากาศจะต้องหนาวเสมอไปด้วย ดังนั้นควรจะใส่ชุดกันน้ำที่เบาตัวจะดีกว่าเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโอเวอร์ฮีต

รันนิ่งแวร์ของ Nike ที่เหมาะสำหรับการลุยฝนทำจากผ้าระบายอากาศได้ดีเพื่อเปิดให้อากาศถ่ายเท และทำให้คุณแห้งอยู่เสมอด้วยเทคโนโลยีกันน้ำและกันลม

สำหรับถุงเท้า ควรเลือกใส่ชนิดที่จะทำให้เท้าของคุณเย็นและแห้งอยู่เสมอในรองเท้า ซึ่งถุงเท้าของ Nike ก็มีเทคโนโลยี Dri-FIT ที่ผ่านการจัดวางตาข่ายอย่างเป็นระบบเพื่อการซับเหงื่อและซับความชื้น พร้อมเปิดให้มีการถ่ายเทอากาศอีกด้วย ถุงเท้าของ Nike ยังมีแผงรองรับอุ้งเท้าและการเสริมความแข็งแรงบริเวณส้นและนิ้วเท้าด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรองรับและความทนทานในสภาพที่เปียกชื้น

คำถามที่พบบ่อย

การวิ่งกลางสายฝนนั้นปลอดภัยหรือเปล่า
คุณสามารถวิ่งกลางสายฝนได้อย่างปลอดภัยไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน ตราบใดที่คุณใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสม น้ำฝนอาจจะทำให้พื้นลื่น รองเท้าของคุณจึงต้องมีการยึดเกาะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหกล้ม คุณอาจลองปรับเปลี่ยนเส้นทางดูด้วย เนื่องจากการเปลี่ยนเส้นทางของคุณจากการวิ่งเทรลตามภูเขาในสภาพพื้นดินที่ขรุขระ มาเป็นการวิ่งบนถนนแทนจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลื่นล้มได้
วิธีทำความสะอาดรองเท้าหลังจากที่วิ่งในสภาพเปียกชื้นควรทำอย่างไร

1. ขจัดสิ่งสกปรกออกโดยใช้ผ้านุ่มๆ และน้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน น้ำอุ่นผสมกับน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนเล็กน้อยเป็นส่วนผสมที่ดีที่สุด

2. ถอดเชือกออกแล้วทำความสะอาดแบบแยกกับรองเท้าต่างหากโดยใช้ส่วนผสมเดิม

3. ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่แห้งหรือผ้านุ่มๆ เช็ดและซับสิ่งสกปรก รวมถึงความชื้นจากสบู่ออกให้มากที่สุด

4. ทิ้งให้แห้งในอุณหภูมิห้อง

เผยแพร่ครั้งแรก: 22 ตุลาคม 2564